เก้ากษัตริย์ในหนึ่งรูป

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร (ครองราชย์ ค.ศ. 1901–1910) เป็นพระโอรสองค์โตของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ต ทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารยาวนานก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ การปกครองของพระองค์เปิดยุคเอ็ดเวิร์เดียน ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นด้านวัฒนธรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนผ่านทางสังคม พระองค์ได้รับฉายา “ลุงแห่งยุโรป” เนื่องจากความเกี่ยวดองทางเครือญาติกับราชวงศ์ต่าง ๆ ทั่วยุโรป

ในพระราชพิธีศพของพระองค์ จึงมีกษัตริย์จากหลายประเทศเสด็จมาร่วมพิธีที่อังกฤษ ซึ่งถือเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของตัวแทนสถาบันกษัตริย์จากนานาประเทศแห่งทวีปยุโรปก่อนที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งจะเกิดขึ้นในอีกสี่ปีต่อมา ภาพถ่ายในวันที่ 20 พฤษภาคม 1910 ที่มีกษัตริย์ 9 พระองค์อยู่ในรูปเดียวเป็นหนึ่งในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนเครือข่ายความสัมพันธ์ของราชวงศ์ยุโรปก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอย่างชัดเจน

9 Kings in 1 Photo

ประทับยืนจากซ้ายไปขวา: กษัตริย์ฮากอนที่ 7 แห่งนอร์เวย์, ซาร์เฟอร์ดินานด์แห่งบัลแกเรีย, กษัตริย์มานูเอลที่ 2 แห่งโปรตุเกส, ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี, กษัตริย์จอร์จที่ 1 แห่งกรีซ, และกษัตริย์อัลแบร์ที่ 1 แห่งเบลเยียม

ประทับนั่งจากซ้ายไปขวา: กษัตริย์อัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน, กษัตริย์จอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร, และกษัตริย์เฟรเดอริกที่ 8 แห่งเดนมาร์ก

chart 9 Kings in 1 Photo

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นอร์เวย์รอดพ้นจากความเสียหายเพราะคงความเป็นกลาง กษัตริย์ฮากอนที่ 7 ครองราชย์จนสวรรคดและได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะบทบาทการต่อต้านเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สวรรคดเมื่อปี 1957 ชันษา 85

บัลแกเรียเข้าร่วมฝ่ายมหาอำนาจกลาง เมื่อปี 1918 ซาร์เฟอร์ดินานด์ถูกกดดันให้สละราชสมบัติให้พระโอรส กษัตริย์บอริสที่ 3 แล้วลี้ภัยไปยังเยอรมนี ระบอบกษัตริย์ยังคงอยู่แต่สูญเสียอำนาจทางการเมืองอย่างมาก ซาร์เฟอร์ดินานด์สวรรคดในปี 1948 ที่เยอรมนี ชันษา 87

กษัตริย์มานูเอลที่ 2 แห่งโปรตุเกส ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์เมื่อปี 1908 ถูกปฎิวัติในวันที่ 5 ตุลาคม 1910 สูญเสียราชบัลลังก์และต้องลี้ภัยไปอังกฤษจนสวรรคตเมื่อปี 1932 ชันษา 42

หลังเยอรมนีพ่ายแพ้ในปี 1918 ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 ถูกบีบให้สละราชบัลลังก์ และลี้ภัยไปยังเนเธอร์แลนด์ จักรวรรดิเยอรมันสิ้นสุดลง เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐไวมาร์ ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 สวรรคดในปี 1941 ชันษา 82

กษัตริย์จอร์จที่ 1 แห่งกรีซถูกลอบปลงพระชนม์ในปี 1913 ชันษา 67 พระโอรสองค์โต พระเจ้าคอนสแตนตินที่ 1 ครองราชย์ต่อ ตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังสงครามมีความปั่นป่วนทางการเมืองอย่างรุนแรง ระบอบกษัตริย์ถูกโค่นในปี 1924 ก่อนจะได้กลับมาอีกระหว่างปี 1935-1973

ถึงเบลเยียมเสียหายหนักในสงครามแต่อยู่ฝ่ายชนะ กษัตริย์อัลแบร์ที่ 1 ได้รับความชื่นชมในความกล้าหาญระหว่างสงคราม ปฏิรูปการเมืองหลังสงครามและเพิ่มเสรีภาพประชาธิปไตย สวรรคตเมื่อปี 1934 ชันษา 58

แม้สเปนเป็นกลางในสงคราม แต่ผลกระทบเศรษฐกิจและความปั่นป่วนภายในทำให้ความนิยมในกษัตริย์ลดลง กษัตริย์อัลฟอนโซที่ 13 ถูกโค่นอำนาจในปี 1931 และลี้ภัยไปหลายประเทศ สวรรคตที่โรมเมื่อปี 1941 ชันษา 54 สเปนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐสเปนที่สอง ก่อนจะมีการฟื้นฟูเมื่อปี 1975

สหราชอาณาจักรเป็นฝ่ายชนะ แต่ต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจหลังสงคราม พระเจ้าจอร์จที่ 5 ปรับภาพลักษณ์ราชวงศ์ให้เป็นอังกฤษมากขึ้น เปลี่ยนชื่อราชวงศ์เป็นวินด์เซอร์ ประกาศยกเลิกการใช้บรรดาศักดิ์และพระอิสริยยศเยอรมันทั้งหมดของพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงตัดความสัมพันธ์ทางสถาบันกับเชื้อพระวงศ์บางสายที่มีบทบาทในเยอรมนีเพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์อังกฤษถูกมองว่าเชื่อมโยงกับประเทศคู่สงคราม พระเจ้าจอร์จที่ 5 สวรรคตเมื่อปี 1936 ชันษา 70

กษัตริย์เฟรเดอริกที่ 8 แห่งเดนมาร์ก สวรรคตในปี 1912 ชันษา 68 พระโอรสองค์โต พระเจ้าคริสเตียนที่ 10 ครองราชย์ต่อ เดนมาร์กเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและมีเสถียรภาพหลังสงคราม
[14/11/21, 19/11/25]


ความสัมพันธ์ญาติ

Comments

Popular posts from this blog

หนังสือ: ร้านเช่า มือสอง และห้องสมุด

สงครามรัสเซีย-ยูเครน: ทหารอาสาหรือทหารรับจ้าง